ใยแก้วนำแสงเป็นส่วนสำคัญของระบบการสื่อสารและการส่งข้อมูลสมัยใหม่ ใช้เพื่อส่งสัญญาณแสงในระยะทางไกลโดยสูญเสียความแรงของสัญญาณน้อยที่สุด ไฟเบอร์ออปติกมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติและการใช้งานเฉพาะตัวของตัวเอง
1. ใยแก้วนำแสงโหมดเดี่ยว: เส้นผ่านศูนย์กลางแกนกลางของใยแก้วนำแสงโหมดเดี่ยวมีขนาดเล็ก โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 9 ไมครอน ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับแสงโหมดเดียว ทำให้มีแบนด์วิดธ์สูงและการส่งผ่านข้อมูลทางไกล ไฟเบอร์โหมดเดียวมักใช้ในโทรคมนาคมทางไกลและเครือข่ายข้อมูลความเร็วสูง
2. ใยแก้วนำแสงมัลติโหมด: เส้นผ่านศูนย์กลางแกนกลางของใยแก้วนำแสงมัลติโหมดมีขนาดใหญ่กว่าปกติประมาณ 50 หรือ 62.5 ไมครอน พวกมันสามารถพกพาแสงได้หลายโหมด ทำให้มีแบนด์วิธต่ำและระยะการส่งข้อมูลสั้นกว่าไฟเบอร์โหมดเดี่ยว โดยทั่วไปแล้วมัลติโหมดไฟเบอร์จะใช้ในการใช้งานระยะสั้น เช่น เครือข่ายท้องถิ่น (LAN) และศูนย์ข้อมูล
3. ใยแก้วนำแสงพลาสติก (POF): POF ทำจากวัสดุพลาสติก เช่น พอลิเมทิลเมทาคริเลต (PMMA) มีเส้นผ่านศูนย์กลางแกนใหญ่กว่าและยืดหยุ่นกว่าไฟเบอร์กลาส ทำให้ติดตั้งและจัดการได้ง่ายกว่า POF มักใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค การใช้งานในยานยนต์ และเครือข่ายภายในบ้าน
4. ไฟเบอร์ดัชนีการไล่ระดับสี: ดัชนีการหักเหของแกนไฟเบอร์ดัชนีแบบให้คะแนนจะค่อยๆลดลงจากกึ่งกลางไปยังขอบด้านนอก การออกแบบนี้ช่วยลดการกระจายตัวของโมดอลเมื่อเทียบกับไฟเบอร์มัลติโหมดมาตรฐาน ทำให้มีแบนด์วิดท์ที่สูงขึ้นและระยะการส่งข้อมูลที่ยาวขึ้น
5. โพลาไรเซชันการรักษาไฟเบอร์: ไฟเบอร์ประเภทนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อรักษาโพลาไรเซชันของแสงในขณะที่มันเดินทางผ่านไฟเบอร์ มักใช้ในการใช้งานที่การรักษาสถานะโพลาไรเซชันของแสงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น เซ็นเซอร์ไฟเบอร์ออปติก และระบบอินเทอร์เฟอโรเมตริก
ไฟเบอร์แต่ละประเภทมีข้อดีและข้อจำกัดของตัวเอง และการเลือกประเภทที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับข้อกำหนดเฉพาะของการใช้งาน ในขณะที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ใยแก้วนำแสงชนิดใหม่จึงได้รับการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับเครือข่ายการสื่อสารความเร็วสูงและความจุสูง การทำความเข้าใจคุณลักษณะของใยแก้วนำแสงประเภทต่างๆ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการออกแบบและการนำระบบสื่อสารด้วยแสงที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้
เวลาโพสต์: 18 เม.ย.-2024